วันจันทร์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2554

การพูดในที่ชุมชน

การพูดในที่ชุมชน
             การพูดในที่ชุมชน คือ การพูดในที่สาธารณะ มีผู้ฟังเป็นจำนวนมาก ผู้พูดต้องสนใจปฏิกิริยาตอบสนองผู้ฟัง ทั้งเป็นวัจนภาษาและอวัจนภาษาการพูดต่อหน้าประชุมชนเป็นการเปิดโอกาส ให้ผู้พูดได้แสดงความสามารถเฉพาะตัวเพราะทุกคนที่ไม่เป็นใบ้ย่อมพูดได้ แต่บางคนเท่านั้นที่พูดเป็น เพราะการพูดเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ ไม่จำเป็นต้องอาศัยพรสวรรค์เสมอไปแต่สามารถพูดได้ เพราะการศึกษา การฝึกฝน ฉะนั้นการฝึกพูดในที่ประชุมชน ซึ่งเป็นวิธีที่ดีอีกวิธีหนึ่งในการปรับปรุงบุคลิกภาพทั้งภายในและภายนอกเพื่อการเป็นนักพูดที่ดี 
 การพูดในที่ประชุมชนตามโอกาสต่าง ๆ จำแนก เป็น 3 ประเภท ดังนี้ 
         1. การพูดอย่างเป็นทางการ 
                 เป็นการพูดในพิธีต่าง ๆ มีการวางแผนแนวปฏิบัติไว้อย่างชัดเจน เช่น การปราศรัยของนายกรัฐมนตรี การให้โอวาทของผู้อำนวยการโรงเรียนในวันปฐมนิเทศการพูดสุนทรพจน์ของรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ การอภิปรายในรัฐสภา ฯลฯ
         2. การพูดอย่างไม่เป็นทางการ 
                เป็นการพูดที่ให้บรรยากาศเป็นกันเอง เช่น พูดเพื่อนันทนาการในกิจกรรมต่าง ๆ การพูดสังสรรค์งานชุมนุมศิษย์เก่า การพูดเรื่องตลกในที่ประชุม การกล่าวอวยพรตามโอกาสต่าง ๆ ในงานสังสรรค์
         3. การพูดกึ่งทางการ 
                เป็นการพูดที่ลดความเป็นแบบแผนลง เช่น พูดอบรมนักเรียนในคาบจริยธรรม การกล่าว
ต้อนรับผู้มาเยี่ยมชม การกล่าวขอบคุณผู้ช่วยเหลือกิจกรรม กล่าวบรรยายสรุปแก่ผู้เข้าชมตามสถานที่ ต่าง ๆ อนึ่ง การพูดในที่ประชุมแต่ละครั้งจะเป็นการพูดประเภทใด ผู้พูดต้องวิเคราะห์โอกาส และสถานการณ์ แล้วเตรียมศิลปะการใช้ภาษาให้ถูกต้องเหมาะสมกับโอกาสนั้น เพื่อที่จะพูดได้ถูกต้อง ไม่เก้อเขิน เข้ากับบรรยากาศได้ดี มีความประทับใจ

         

การพูดเป็นพิธีกร และโฆษก
พิธีกร หมายถึง ผู้ทำหน้าที่ดำเนินรายการในกิจการนั้น ๆ ให้เป็นไปตามจุดมุ่งหมายพิธีกรจะเป็นผู้ทำให้รายการนั้นน่าสนใจมากน้อยเพียงใด
ต้องทำหน้าที่ประสานประโยชน์ให้เกิดแก่ผู้ฟัง และผู้ร่วมรายการ หรือ คือ ผู้ประสานความเข้าใจอันดีระหว่างผู้แสดงในรายการนั้นกับผู้ฟัง ผู้ชม
โฆษก  หมายถึง ผู้ประกาศ , ผู้โฆษณา มีหน้าที่ติดต่อสื่อความหมายระหว่างผู้รับเชิญ กับผู้ชม หรือผู้ฟัง
            ข้อแนะนำสำหรับผู้ทำหน้าที่พิธีกร และโฆษก
       •  มีบุคลิกภาพดี
       •  ขณะพูดหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส มีชีวิตชีวา ใจเย็น พูดจาไพเราะนิ่มนวล
       •  มีปฏิภาณไหวพริบแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ มีความคล่องตัว สร้างบรรยากาศให้มีความเป็นกันเอง
       •  พูดให้สั้น ได้เนื้อหาสาระ ใช้ถ้อยคำสละสลวย เพื่อให้ผู้ฟังเกิดความสนใจ กระตือรือร้นอยากฟัง
       •  ศึกษาเรื่องราวที่จะต้องทำหน้าที่นำเสนอรายการเป็นอย่างดี จัดลำดับการเสนอสาระอย่างมีขอบเขต มีทัศนคติที่ดีต่อหน้าที่ที่จะต้องทำ และมีความรับผิดชอบ

วันศุกร์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

Resume

Personal Detail
Name : ……………………….
Address : …………………….
Age : ………………………….
Hight :………………………..
Weight : …………………….
Date of birth: ……………….
Telephone : ……………….
E-Mail :
…………@windowslive.com

Education Background
2008-2011 , Suan Dusit Rajabhat University , Management Science , Business Computer 
2003-2007 , Sukhothai vocational collage

Training Backgroung
Nov 2011 – Jan 2012 , Company siamacme
Working Experience
-
Spacial Abilites
· Microsoft word , Excel , PowerPoint
· Photoshop Cs4
· Can speak , Write , Reading English
Interest
music , spots
Resume
Dear Sir
Referring to your advertize in
http://jobmarket.co.th in position of Administration. I would appreciate to apply for this Position. I very ensure that position . I very ensure that my background and experience as serve you well. Here with my resume with file attached . I look forward to hearing from you soon or your covenience time .
My contact number is …………….. . personal E-mail
…………………….
Your sincerely
Mr. ……………………..

Conversation การสัมภาษณ์งาน

การสัมภาษณ์งาน

A :    Good afternoon , How doyou do?

B :    Good afternoon , How doyou do.

A :     Nice to meet you.

B :    Nice to meet you too.

A :    Could you please introduce yourself  briefly?

B :    My name is Jerapong Pengjek. I'm now 22 year old. I have one broters.
I graduated  form Suan dusit Rajabhat University.I did a bachelor in managementseince.My major was
businesscomputer.

A :    Where did you graduated?  

B :    I graduated from Suandusit Rajabhat University. 

A :     What course did you you take?

B :    I did a bachelor in managementseince.   

A :     What company are you working for ?

B :    I am still out of work.  

A :     What  salary do you expect ?

B :    15,000. 

A :    When are you going to start?

B :    Next week.

A :     What do you do during your free time ? 

B :      Spots,reading .

A :     Can you drive a car ?

B :     Yes,I can. 

A :      Have you been to abroad?

B :     No, I can't

Joomla

การสร้างฐานข้อมูลใหม่โดยการให้พิมพ์ Joomla  เปลี่ยนแล้ว font   กดสร้าง จากนั้นเปิดหน้าต่างใหม่ขึ้นมาพิมพ์ http://localhost/joomla  แต่ต้องมีการย้าย Joomla ไปอยู่ใน www ก่อน ตรวจสอบก่อนการติดตั้งสำหรับ ต้องเป็นสีเขียวทั้งหมด ถ้ามี สีแดงอยู่ ให้ปรับแต่ server ก่อน แล้ว คลิก ตรวจสอบอีกครั้ง ถ้ามีสีเขียวทั้งหมดแล้ว ให้ คลิก ปุ่ม ถัดไป ได้เลย 

การติดตั้ง joomla เลือกถัดไปเรื่อยๆจนถึงการใส่ข้อมูลให้ใส่ข้อมูลดังนี้
ชนิดฐานข้อมูล  mysql โดยมากใช้ 'mysql'
  ชื่อโฮสต์  localhost ค่าทั่วไปคือ 'localhost'
  ชื่อผู้ใช้ฐานข้อมูล  root ชื่อผู้ใช้งานดาต้าเบส อาจจะใส่เป็น 'root' หรือชื่อผู้ใช้ที่ได้รับ จากผู้ให้บริการ     โฮสของท่าน
  รหัสผ่าน   root เพื่อความปลอดภัยท่านควรกำหนดรหัสผ่าน สำหรับเข้าใช้งานฐานข้อมูล
  ชื่อฐานข้อมูล  joomla โฮสบางแห่งมีเพียงดาต้าเบสเดียวให้ท่านใช้งาน กรณีนี้ท่านสามารถใช้ชื่อนำหน้า (prefix) ตารางเพื่อติดตั้งมากกว่าหนึ่งไซต์.

   จากนั้นคลิกถัดไป ถัดไป  ตั้งชื่อเว็บไซต์ว่า joomla program  ใส่อีเมล์ ใส่รหัสผ่าน addmin
ยืนยันเหมือนกัน คลิกถัดไป  คลิกตกลง เท่านี้ก็ติดตั้งเรียบร้อยแล้ว  เปลี่ยนชื่อที่ joomla   ที่ตัว  installation เป็น installation-1  (ถ้าทำจริงต้องลบทิ้ง)  คลิกดูหน้าเว็บไซต์
เปิดแท็บใหม่พิมพ์http://localhost/joomla/administrator/เพื่อเข้าสู่ระบบ admin (Username : admin   , Password: addmin)  ติดตั้ง font ภาษาไทย Extensions เลือก install   เลือกไฟล์   แล้วทำการอัฟโหลด ไปเช็ค ที่ตัว Languages เพื่อดูภาษาเป็นภาษาไทย  กลับไป Extensions    Languages Manager  เลือกไทย  Default  เพื่อพิมพ์ภาษาไทย  ไปส่วนขยาย  การจัดการเทมเพลต   เพื่อเปลี่ยนพื้นหลังให้กับเว็บ โมดูล เป็นตัวเสริมข้อมูลต่างๆ  บล็อกอินก็เช่นกัน

วันพฤหัสบดีที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ARRAY

 - โครงสร้างข้อมูลแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ

      - โครงสร้างข้อมูลแบบเชิงเส้น (Linear Lists) มีรูปแบบเป็นรายการต่อเนื่อง ข้อมูลที่จัดเก็บจะมีลักษณะเป็นแถวลำดับต่อเนื่อง เช่น อาร์เรย์(Array) สแต็ก(Stacks) และคิว(Queues) เป็นต้น
      - โครงสร้างข้อมูลแบบไม่เป็นเชิงเส้น (Non-Linear Lists) โครงสร้างข้อมูลชนิดนี้จะต้องข้ามกับแบบแรก เช่น ทรี(Trees) และกราฟ(Graphs) เป็นต้น  

-โครงสร้างข้อมูลแบบอาร์เรย์(Array) 
        - อาร์เรย์ คือ การรวมกลุ่มของตัวแปรที่สามารถใช้ตัวแปรชื่อเดียวแทนข้อมูลสมาชิกได้หลายๆ ตัวด้วยการใช้ดรรชนี(Index) หรือซับสคริปต์(Subscript) เป็นตัวอ้างอิงตำแหน่ง

- คุณสมบัติสำคัญของอาร์เรย์

      - อาร์เรย์เป็นตัวแทนของกลุ่มที่มีความสัมพันธ์กันเช่น 12 เดือน ซึ่งประกอบด้วยเดือนมกราคมถึงเดือนธันวาคม ราคาหุ้นในรอบ 30 วัน เป็นต้น
      -  มีชนิดข้อมูลเหมือนกันทั้งหมด เช่น ชนิดข้อมูลของตัวแปร
      -  อาร์เรย์มีขนาดคงที่
      -  ผู้ใช้สามารถอ้างอิงเพื่อเข้าถึงข้อมูลที่ต้องการได้ทันที

- การอ้างอิงตำแหน่งสมาชิกในอาร์เรย์ 
     - ต้องเริ่มต้นด้วยชื่ออาร์เรย์และตามด้วยเลขลำดับกำกับไว้ด้วย
     - เลขลำดับ สามารถเรียกได้หลายชื่อ เช่น ซัขสคริปต์ หรือเลขดัชนี
     - เลขดัชนีอยู่ภายในเครื่อง ( ) หรือ [ ] ก็ได้ ขึ้นอยู่กับภาษาคอมพิวเตอร์แต่ละภาษา

- ขอบเขตของอาร์เรย์ (Bounds)
     - เลขดัชนี ในอาร์เรย์ประกอบด้วยช่วงขอบเขตของค่า ซึ่งประกแบด้วยขอบเขตล่างสุด และขอบเขตบนสุด
- การคำนวณจำนวนสามาชิกของอาร์เรย์ 1 มิติ

     - จำนวนสมาชิก  = U + L + 1

- การคำนวณจำนวนสามาชิกของอาร์เรย์ 2 มิติ

     - จำนวนสมาชิก = (U1 – L1 + 1) x (U2 – L2 + 1)

- การคำนวณจำนวนสามาชิกของอาร์เรย์ 3 มิติ

     - จำนวนสมาชิก = (U1 – L1 + 1) x (U2 – L2 + 1) x (U3 – L3 + 1)

 -การจัดเก็บอาร์เรย์ในหน่วยความจำ

     - อาร์เลย์จัดเก็บอยู่ในหน่วยความจำคอมพิวเตอร์จะมีลักษณะเป็นลำดับต่อเนื่องกัน
     - ใช้เนื้อที่ในการจัดเก็บข้อมูลสมาชิกของแต่ลัตัวในขนาดเท่าๆกัน
     - สมาชิกในอาร์เลย์ทุกตัวต้องเป็นข้อมูลชนิดเดียวกัน

- อาร์เรย์ 1 มิติ  รูปแบบโครงสร้างข้อมูลอาร์เรย์ 1 มิติ คือ

     - ArrayName [ L : U ]  

-สูตรการคำนวณเพื่อค้นหาตำแหน่งแอดแดรสในหน่วยความจำของอาร์เรย์ 1 มิติ 

     - LOC(a[ i ])  = B + W(i + L)

 อาร์เรย์ 2 มิติ รูปแบบโครงสร้างข้อมูลอาร์เรย์ 2 มิติ คือ 

     - ArrayName [ L1 : U1, L2 : U2 ] 

- สูตรการคำนวณเพื่อค้นหาตำแหน่งแอดแดรสในหน่วยความจำของอาร์เรย์ 2 มิติ  

     - รูปแบบการเรียงแถวเป็นหลัก

     -  LOC(K[ i,j ] ) = B + W[C(i – L1) + (j – L2) ]

โดยที่ R คือจำนวนคอลัมน์ของแถวลำดับ (R x C)

     - รูปแบบการเรียงคอลัมน์เป็นหลัก

     - LOC(K[ i,j ] ) = B + W[R(j – L2)]+ (i – L1) ]

โดยที่ R คือจำนวนแถวของแถวลำดับ (R x C)

อาร์เรย์ 3 มิติ รูปแบบโครงสร้างข้อมูลอาร์เรย์ 3 มิติ คือ 

     - ArrayName [ L1 : U1, L2 : U2, L3 : U3 ]  

- สูตรการคำนวณเพื่อค้นหาตำแหน่งแอดแดรสในหน่วยความจำของอาร์เรย์ 3 มิติ  

      - รูปแบบการเรียงแถวเป็นหลัก

      - LOC(S[ i,j,k ]  = B + [W x R x C(i – L1)]
                            + [W x C(j – L2)]
                            + [W(k - L3)] 

     - รูปแบบการเรียงคอลัมน์เป็นหลัก

     - LOC(S[ i,j,k ]  = B + [W x K x R x C(j – L2)]
                            + [W x K x R(i– L1)]
                            + [k - L3]  

วันอังคารที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2554

wordpress

WordPress คือ โปรแกรมสำเร็จรูปตัวหนึ่ง ที่เอาไว้สำหรับสร้าง บล็อก หรือ เว็บไซต์ สามารถใช้งานได้ฟรี ถูกจัดอยู่ในประเภท CMS (Contents Management System) ซึ่งหมายถึง โปรแกรมสำเร็จรูปที่มีไว้สำหรับสร้างและบริหารจัดการเนื้อหาและข้อมูลบนเว็บไซต์
WordPress ได้รับการพัฒนาและเขียนชุดคำสั่งมาจากภาษา PHP (เป็นภาษาโปรแกรมมิ่งตัวหนึ่ง) ทำงานบนฐานข้อมูล MySQL  ซึ่งเป็นโปรแกรมสำหรับจัดการฐานข้อมูล มีหน้าที่เก็บ เรียกดู แก้ไข เพิ่มและลบข้อมูล  การใช้งานWordPress ร่วมกับ MySQL อยู่ภายใต้สัญญาอนุญาตใช้งานแบบ GNU General Public License
WordPress ปรากฏโฉมครั้งแรกในโลกเมื่อปี พ.ศ. 2546 (2003) เป็นความร่วมมือกันระหว่าง Matt Mullenweg และ Mike Littlej มีเว็บไซต์หลักอยู่ที่ http://wordpress.org และยังมีบริการ Free Hosting (พื้นที่สำหรับเก็บทุกอย่างของเว็บ/บล็อก) โดยขอใช้บริการได้ที่ http://wordpress.com
ปัจจุบันนี้ WordPress ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จนมีผู้ใช้งานมากกว่า 200 ล้านเว็บบล็อกไปแล้ว แซงหน้า CMS ตัวอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น Drupal , Mambo และ Joomla สาเหตุเป็นเพราะ ใช้งานง่าย ไม่จำเป็นต้องมีความรู้ในเรื่อง Programing มีรูปแบบที่สวยงาม อีกทั้งยังมีผู้พัฒนา Theme (รูปแบบการแสดงผล) และ Plugins (โปรแกรมเสริม) ให้เลือกใช้ฟรีอย่างมากมาย
นอกจากนี้ สำหรับนักพัฒนา WordPress ยังมี Codex เอาไว้ให้เราได้เป็นไกด์ไลน์ เพื่อศึกษาองค์ประกอบส่วนต่าง ๆ ที่อยู่ภายใน สำหรับพัฒนาต่อยอด หรือ นำไปสร้าง Theme และ Plugins ขึ้นมาเองได้อีกด้วย หนำซ้ำ ยังมีรุ่นพิเศษ คือ WordPress MUสำหรับไว้ให้ผู้นำไปใช้ สามารถเปิดให้บริการพื้นที่ทำเว็บบล็อกเป็นของตนเอง เพื่อให้ผู้อื่นมาสมัครขอร่วมใช้บริการในการสร้างเว็บบล็อก ภายใต้ชื่อโดเมนของเขา หรือที่เรียกว่า Sub-Domain

วันพุธที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2554

การฟังบรรยายธรรม โดยพระอาจารย์ศรศิริ ติสรโณ

เกราะ 5 ชั้น และคุณธรรม 4ประการ

ศีล 5 "เบญจศีล" คือ ความปกติ ของมนุษย์
1 ปาณาติปาตา เวรมณี   เว้นจากการทำชีวิตสัตว์ให้ตกล่วงไป
2.อทินณาฑานา เวรมณี   เว้นจากการถือเอาสิ่งของที่เจ้าของไม่ได้ให้ด้วยอาการแห่งขโขย
3.กาเมศุวิฉาจารา เวรมณี เว้นจากการประพฤติผิดในกาม
4.มุสาวาทา เวรมณี          เว้นจากการพูดเท็จ
5.สุราเมรยมัชชปมาทัฏฐานา เวรมณี   เว้นจากการเสพสิ่งมึนเมาทั้งหลายทั้งปวง

  • ทำไมคนเราจึงต้องรักษาศีล ?
 ศีลมี 5 ข้อ
1. เพราะใครๆก็รักชีวิตของตนเอง
2. เพราะใครๆก็อยู็เป็นสุขด้วยสมบัติขิงเขา
3.เพราะใครๆก็รักพวกพ้อง พี่น้องของพวกเขา
4.เพราะใครๆก็รักความจริงใจด้วยกันทั้งนั้น
5.เพราะเมื่อเสพ เข้าไปแล้วจะทำให้ขาดสติ และ จะทำให้เราผิดศีลข้ออื่นด้วย

วิธีการสร้างเกราะภายในตนเอง คือ การตั้งเจตนางดเว้นจากการประพฤติผิดทางกาย และวาจา
1. งดเว้นโดยไม่ตั้งใจมาก่อน
2. งดเว้นโดยตั้งใจ และ ปฏิญาณไว้ก่อน
3. งดเว้นโดยตัดขาดไว้
เพราะชีวิตของคนปัจจุบันส่วนมาก ขาดเกราะป้องกันตัวเอง จึงทำให้เกิดปัญหาในสังคม และสังคมในปัจจุบันนี้ ก็ยังขาดคุณธรรมที่สมควรพึงจะมีกันมาก จึงเกิดปัญหาและผลที่ตามมาก็คือ เกิดความขัดแย้งในสังคม และ ลุกลามจนไปทั้งประเทศ
            คุณธรรม ๔ ประการ

  •  "สุขา สังฆะษะ สามมัคคี" ความสามัคคี ย่อมทำให้สังคมมีสุข คนเกิดสุข
  • พุทธพจน์ของพระพุทธเจ้า กล่าวไว้ว่า ศีลเป็นกำลังไม่มีที่เปรียบ ศีลเป็นเครื่องประดับอย่างประเสริฐ และ ศีลเป็นเกราะ อย่างอัศจรรย์
  • ศีล 5 "เบญจศีล" คือ ความปกติ ของมนุษย์
  •  ธรรมที่เกื้อกูลต่อการรักษาศีล "หิริโอตัปปะ"